วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สินทรัพย์ฯสร้างเครือข่ายขยายงาน Non-motor

สินทรัพย์ประกันภัยวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจปีหน้า เป็นองค์กรระดับกลางถึงสูง เล็งเจรจาพันธมิตรประกันวินาศภัยรายใหญ่ 6-7 ราย สร้างเครือข่ายเพื่อขยายงาน Non-motor หวังเพิ่มสัดส่วนจาก 18% ในปีนี้เป็น 25% ในปี 2551 ชี้บ.กลางและเล็กสร้างเบี้ยประกันหมุนเวียนถึงปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท 'สมนึก' ประกาศรุกตลาดประกันอัคคีภัย เปิดแคมเปญพิเศษสิ้นปีนี้ ลดเบี้ยประกันภัยบ้านระยะยาว 3 ปี 20-30% จับฐานลูกค้ากลุ่ม Motor 8-9 หมื่นราย พร้อมลดเป้าหมายทำเบี้ยประกันตลาด 3 พลัสจาก 500 ล้านบาท เหลือ 100 ล้านบาท

ดร.สมนึก สงวนสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สินทรัพย์ประกันภัย จำกัด เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ถึง ทิศทางการทำธุรกิจของบริษัทในปี 2551 ว่า บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเป็นองค์กรระดับกลางถึงสูง และมีแผนที่จะขยายการรับงานในกลุ่ม Non-Motor จากบริษัทประกันภัยรายใหญ่ โดยจะเพิ่มสัดส่วนพอร์ตนัน-มอเตอร์จากปีนี้ที่ 18% หรือคิดเป็นมูลค่าเบี้ย 160 ล้านบาท จะเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในปี 2551 หรือคิดเป็นมูลค่าเบี้ย 200 ล้านบาท โดยบริษัทฯจะเจรจากับพันธมิตรที่เป็นบริษัทประกันภัยรายใหญ่ ประมาณ 6-7 ราย เพื่อพัฒนาไปสู่รูปแบบเครือข่ายรับงานทั้งระบบ เพื่อให้มีการกระจายงานรับประกันภัยให้บ.กลางและบ.เล็กแทนการส่งต่อให้ต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งทางสมาคมประกันวินาศภัยควรจะเข้ามาเป็นศูนย์กลางสนับสนุนการรับส่งงานดังกล่าว

"ขณะนี้กำลังมองหาพันธมิตรในการรับงานที่มีศักยภาพในการรับงานสูง ให้เป็นแบบเครือข่ายทั้งระบบ และส่งผลดีต่อเบี้ยประกันที่หมุนเวียนในประเทศ เพราะที่ผ่านมาบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถสร้างเบี้ยประกันหมุนเวียนในประเทศได้ถึง 3,000-4,000 ล้านบาทต่อปี และการส่งงานให้แก่บริษัทขนาดกลางและเล็ก จะเป็นกำลังให้มีการเพิ่มทุนเพื่อให้มีฐานะที่มั่นคง เช่น ปัจจุบันบริษัทสินทรัพย์ฯสามารถรับงานที่เบี้ยประกันภัยไม่เกิน 500 ล้านบาทต่องาน ตามทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท "
ในการขยายตลาดรับประกันอัคคีภัยนั้น ไตรมาสที่ 4 ปีนี้ บริษัทฯได้จัดแคมเปญลดเบี้ยประกันภัย 20 -30% สำหรับแบบการประกันอัคคีภัยบ้านที่อยู่อาศัย จ่ายเบี้ยระยะยาว 3 ปี จากเดิมจ่ายเบี้ยปีต่อ รวมถึงขยายตลาดประกันอุบัติเหตุการเดินทาง ในกลุ่มคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศและชาวต่างชาติ จับพอร์ตลูกค้ากลุ่ม Motor ของบริษัท ประมาณ 80,000-90,000 ราย เช่น เจาะลูกค้ากลุ่มโรงงาน บ้านจัดสรร เน้นช่องทางการขายผ่านตัวแทนและนายหน้าเป็นหลัก และชี้ให้เห็นว่าการเลือกทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัยที่ไม่ได้เป็นบริษัทที่ร่วมกับธนาคารในการรับประกันภัย จะได้รับการประเมินราคาเบี้ยประกันที่ถูกกว่าถึงประมาณ 2 เท่า

บริษัทฯใช้วิธีประเมินเบี้ยแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับ A ประกันความเสี่ยงต่ำ อัตราเบี้ย 0.1% , ระดับ B ประกันความเสี่ยงกลาง อัตราเบี้ย 0.2% และระดับ C ประกันความเสี่ยง 0.3 % ทำให้สามารถประเมินอัตราเบี้ยประกันในอัตราต่ำกว่าบริษัทประกันภัยในระบบสินเชื่อได้ ยกตัวอย่าง ประกันตึกแถว 3 ห้องหากอัตราเบี้ยประกันภัยในระบบอยู่ที่ 20,000 บาท แต่บริษัทประเมินราคาระดับ A อยู่ที่ 7,000 บาท เป็นต้น

ในส่วนของเป้าหมายการดำเนินงานนั้น คาดว่าสิ้นปีนี้บริษัทจะมีเบี้ยประกันภัยประมาณ 1,000 ล้านบาท ปีหน้าจะขยายตลาด 10-20% มูลค่าเบี้ยประมาณ 1,200 ล้านบาท จากการขยายสัดส่วน Non-Motor มากขึ้น 25% คิดเป็นเบี้ยประกันภัยประมาณ 200 ล้านาท จากสิ้นปีนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 18% คิดเป็นมูลค่าเบี้ยประมาณ 160 ล้านบาท แต่ยังมีอัตราการสูญเสียต่ำมีเพียง 20% ขณะที่สัดส่วนพอร์ตด้าน Motor จะลดลงจาก

ประมาณ 80% เหลือ 75% หลังจากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมานี้ บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรวม 700 ล้านบาท และในช่วง 3 เดือนที่เหลือรายได้จะมาจากเบี้ยต่ออายุ Motor 50-60%

ประธานกรรมการบริหาร บ.สินทรัพย์ประกันภัย กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนงานในส่วนของกลุ่ม Motor บริษัทจะปรับสัดส่วนเบี้ยประกันภัยจากอู่ซ่อมห้างลงเป็น 50% ภายในสิ้นปีนี้ และเป็น 40% ปีหน้า จากที่ผ่านมามีสัดส่วนอยู่ที่ 90% อู่ซ่อมทั่วไป 10% หลังจาก บริษัทได้ปรับเบี้ยส่วนนี้ขึ้นจากเดิม 13,000 บาทเป็น 18,000 บาท ทำให้กลุ่มลูกค้าอู่ซ่อมห้างที่ต้องการเบี้ยถูกหายไป เนื่องจากปัญหาอู่ซ่อมห้าง ยังมีค่าบริการซ่อมแพง เช่นเดียวกับตลาดประกันภัย 3 พลัสที่ต้องรอดูอัตราการสูญเสียที่ชัดเจนหลังจากที่เพิ่งทำตลาดไป 3 เดือน ซึ่งขณะนี้แม้ว่าภาพรวมโต แต่เริ่มพบอัตราการสูญเสียที่เกิดขึ้นกับตลาด เห็นได้จากมีการขอเคลมสินไหม 200,000 บาทต่อครั้ง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้พิจารณาปรับลดเป้าหมายเบี้ยประกันภัยตลาด 3 พลัส จากที่ตั้งเป้าหมายในปีนี้ไว้ที่ 500 ล้านบาทมาอยู่ 100 ล้านบาท เพราะเกรงว่าอาจจะมีปัญหาเหมือนกรณีที่พบอัตราความสูญเสียจากการทำประกันภัยชั้น 1 สำหรับรถยนต์บางยี่ห้อ เช่น ฮอนด้า โตโยต้า ที่มีอัตราความสูญเสียประมาณ 87%

ที่มา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น